Rocket News – 28/06/25

รายชื่อหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้น-ลง ใน S&P 500 ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2025

✅ ข่าวอัพเดทตลาดหุ้นรายวัน ประจำวันที่ 28/06/2025

💡 หมายเหตุ: เวลาที่ระบุเป็นเวลาไทย ซึ่งอาจคาบเกี่ยวกับวันถัดไปตามเวลาสหรัฐฯ ⏰✨

🔍 โปรดตรวจสอบเวลาให้ละเอียดเพื่อไม่พลาดข้อมูลสำคัญ 📆


1️⃣ สหรัฐฯ ตัดสัมพันธ์เจรจาการค้ากับแคนาดา ปมภาษีดิจิทัลกระทบบริษัทเทคฯ

ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดาผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย หลังไม่พอใจนโยบายภาษีบริการดิจิทัล (Digital Services Tax) ของแคนาดาที่บังคับใช้กับบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ รวมถึงบริษัทจากสหรัฐฯ ซึ่ง Trump ระบุว่าเป็น “การโจมตีต่อสหรัฐฯ อย่างชัดเจน” โดยการเก็บภาษีดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2024 และยังเป็นประเด็นถกเถียงในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงการเจรจากับสหภาพยุโรปก่อนหน้านี้

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากรัฐบาลแคนาดายืนยันจะเดินหน้าเก็บภาษีต่อ แม้มีข้อตกลงในกลุ่มประเทศ G7 ที่จะยกเว้นบริษัทสหรัฐฯ จากภาษีบางรายการ ซึ่งทำให้ Trump ตอบโต้โดยขู่ว่าจะแจ้งรายละเอียดภาษีใหม่ต่อสินค้านำเข้าจากแคนาดาภายใน 7 วัน นักวิเคราะห์มองว่า ท่าทีแข็งกร้าวนี้อาจปะทุสงครามการค้าระลอกใหม่ และเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีฐานลูกค้าในต่างประเทศอย่างมาก

2️⃣ S&P 500 ถอยจากจุดสูงสุด หลังทรัมป์ประกาศยุตีเจรจาการค้ากับแคนาดา

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเล็กน้อยในวันที่ 27 มิถุนายน 2025 โดยดัชนี S&P 500 ถอยจากระดับสูงสุดใหม่ที่ 6,184 จุด หลังประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดาอย่างกะทันหัน โดยให้เหตุผลว่าภาษีบริการดิจิทัล 3% ของแคนาดาที่พุ่งเป้าไปยังบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เช่น Google, Meta และ Amazon เป็น “การโจมตีโดยตรง” ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีร่วงลงพร้อมกับค่าเงินดอลลาร์แคนาดาที่อ่อนตัวลง 0.7%

แม้ดัชนีจะยังทรงตัวใกล้จุดสูงสุดตลอดกาล แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าการประกาศเตรียมเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากแคนาดาภายใน 7 วัน อาจจุดชนวนความขัดแย้งทางการค้าอีกครั้งในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมีการค้ารวมกันกว่า 900,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยความผันผวนของตลาดยังถูกขับเคลื่อนด้วยความไม่แน่นอนด้านนโยบาย ทำให้ประเด็นสงครามการค้ากลับมาเป็นความเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของผู้จัดการกองทุนในปี 2025

3️⃣ ราคาทองคำอ่อนตัวใกล้ 3,320 ดอลลาร์ หลังข่าวหยุดยิงอิสราเอล-อิหร่านกดดันสินทรัพย์ปลอดภัย

ราคาทองคำเคลื่อนไหวบริเวณ 3,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2025 และกำลังมุ่งหน้าสู่การปรับตัวลงรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบเดือน สืบเนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Donald Trump ทำให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ราคาทองคำสปอตปรับลง 1.4% ขณะที่สัญญาทองล่วงหน้าสหรัฐฯ ลดลง 1.7% แม้ความเปราะบางของข้อตกลงยังปรากฏอยู่จากเหตุปะทะบางจุดในภูมิภาค

ด้านปัจจัยพื้นฐานยังมีแรงหนุนจากการซื้อทองของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 900 ตันในปีนี้ โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความกังวลด้านเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทางเทคนิคยังคงจับตาแนวรับสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันบริเวณ 3,325 ดอลลาร์ หากราคาหลุดระดับนี้อาจมีแรงขายต่อเนื่องลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 3,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์

4️⃣ ราคาน้ำมันทรงตัวที่ระดับ 65–67 ดอลลาร์ ท่ามกลางความเสี่ยงในตะวันออกกลางและการตัดสินใจของ OPEC+

ราคาน้ำมันปรับตัวทรงตัวในกรอบ 65–67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2025 หลังจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านคลี่คลายลงบางส่วนจากการหยุดยิงที่ได้รับการไกล่เกลี่ยโดยประธานาธิบดี Donald Trump อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวยังเปราะบาง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าละเมิดเงื่อนไข ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจเกิดจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการประชุม OPEC+ ที่จะตัดสินการปรับกำลังการผลิตในอนาคต

แม้ความเสี่ยงจะลดลงชั่วคราว แต่แรงหนุนราคาน้ำมันยังมาจากสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติด โดยล่าสุดลดลง 5.8 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ปริมาณสำรองอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีถึง 11% นอกจากนี้ ปริมาณการกลั่นและอัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นยังคงสูง ขณะที่การส่งออกและนำเข้าชะลอลง โดยสถานการณ์ในช่องแคบ Hormuz ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดในโลก ยังคงเป็นจุดเสี่ยงสำคัญที่อาจฉุดราคาน้ำมันให้ปรับขึ้นได้หากเกิดเหตุการณ์สะเทือนความมั่นคงเพิ่มเติม

5️⃣ การผลิตรถยนต์อังกฤษร่วงหนักในเดือนพฤษภาคม ต่ำสุดในรอบ 76 ปีจากภาษีทรัมป์

การผลิตรถยนต์ในสหราชอาณาจักรเดือนพฤษภาคม 2025 ลดลงเหลือเพียง 49,810 คัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1949 ลดลง 32.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามรายงานของสมาคมผู้ผลิตและผู้ค้ารถยนต์อังกฤษ (SMMT) โดยปัจจัยหลักมาจากภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump ที่ส่งผลให้ยอดส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ หดตัวถึง 55.4% ในเดือนเดียว นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์และการปรับโครงสร้างโรงงาน

แม้รัฐบาลอังกฤษจะบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวกับสหรัฐฯ ซึ่งลดภาษีนำเข้าจาก 27.5% เหลือ 10% สำหรับรถยนต์ไม่เกิน 100,000 คันต่อปี แต่ยังถือว่าสูงกว่าอัตราเดิมที่ 2.5% อย่างมีนัยสำคัญ ผู้ผลิตอย่าง Jaguar Land Rover และ Aston Martin ต่างชะลอการส่งออกไปสหรัฐฯ และเตรียมปรับกลยุทธ์ด้านราคา ขณะที่บางรายเริ่มพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าอุตสาหกรรมยานยนต์อังกฤษอาจสูญเสียงานมากถึง 25,000 ตำแหน่งหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย

6️⃣ กำไรภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนพฤษภาคมร่วง 9.1% จากพิษดีมานด์อ่อน-ภาษีสหรัฐ

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่า กำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2025 ลดลง 9.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นการหดตัวรายเดือนรุนแรงที่สุดในรอบ 7 เดือน โดยเป็นผลจากความต้องการที่ยังไม่ฟื้นตัวและแรงกดดันจากภาษีการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งกระทบสายการผลิตของโรงงานขนาดใหญ่กว่า 20 ล้านหยวนต่อปี และทำให้แนวโน้มรายได้สะดุด แม้ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนจะเติบโตได้ 3.0% ก็ตาม

นักวิเคราะห์ชี้ว่า แรงกดดันจากราคาสินค้าอุตสาหกรรมที่ลดลงและความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวเปราะบาง แม้ภาพรวมการส่งออกยังคงทรงตัวจากการส่งออกไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปที่แข็งแกร่ง แต่ยอดส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงถึง 34.5% ภาคธุรกิจที่ยังเติบโต เช่น อากาศยานและเครื่องใช้ในบ้าน ได้รับแรงหนุนจากโครงการสำคัญของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ภาคยานยนต์ในประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาราคาแข่งขันรุนแรง โดยผู้แทนจำหน่ายเรียกร้องให้ผู้ผลิตยุติสงครามราคาที่กำลังกัดกร่อนกระแสเงินสดและนำไปสู่การปิดกิจการบางแห่ง

7️⃣ Nike เตรียมรับภาระภาษี $1 พันล้าน ปรับกลยุทธ์ผลิต-ขึ้นราคา

Nike (NKE) ผู้ผลิตรองเท้าและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของโลก เตรียมรับต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 1 พันล้านดอลลาร์จากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump โดยประกาศแผนลดการผลิตสินค้าสำหรับตลาดสหรัฐฯ ในจีนลงจาก 16% เหลือเลขหลักเดียวภายในปี 2026 พร้อมขยายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซีย เม็กซิโก และฟิลิปปินส์ เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านต้นทุน ขณะเดียวกันหุ้น Nike พุ่งขึ้น 11% หลังนักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อความยืดหยุ่นของบริษัท

นอกจากนี้ Nike ยังวางแผนขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ แบบเฉพาะเจาะจงช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2025 โดยสินค้าราคา $100–150 จะขึ้นราคา $5 และสินค้าราคาสูงกว่า $150 จะเพิ่มขึ้น $10 ขณะที่กลุ่มรองเท้าเด็ก และสินค้าต่ำกว่า $100 จะยังคงราคาเดิม แม้จะพยายามรักษาระดับราคาบางกลุ่มไว้ แต่บริษัทต้องเผชิญแรงกดดันจากรายได้ไตรมาสล่าสุดที่ลดลง 12% เหลือ 11.1 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่าแม้เวียดนามจะเป็นฐานการผลิตหลักกว่า 50% ของสินค้า Nike แต่ภาษี 46% จากสหรัฐฯ ต่อเวียดนามอาจบั่นทอนแผนระยะยาว หากไม่มีข้อตกลงลดภาษีในเร็ววัน

8️⃣ Xiaomi เปิดตัว SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่ YU7 ยอดจองทะลุ 2 แสนคัน ดันหุ้นพุ่งต่อเนื่อง

Xiaomi (1810.HK) ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของจีน เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่สอง YU7 ซึ่งเป็น SUV ขนาดกลาง โดยตั้งราคาขายเริ่มต้นที่ 253,500 หยวน (ประมาณ 35,360 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่ำกว่า Tesla Model Y ราว 10,000 หยวน ทำให้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจนมียอดจองกว่า 200,000 คันภายใน 3 นาทีแรก และแตะ 289,000 คันใน 1 ชั่วโมง ส่งผลให้ราคาหุ้น Xiaomi ในตลาดฮ่องกงปรับขึ้นกว่า 5% ในช่วงเช้าวันที่ 27 มิถุนายน และสะสมแล้วกว่า 64% ตั้งแต่ต้นปี

นักวิเคราะห์ประเมินว่า ความสำเร็จของ YU7 เป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การรุกสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจังของ Xiaomi หลังจาก SU7 รุ่นแรกได้รับเสียงตอบรับดีในปี 2024 โดย CEO Lei Jun แสดงความมั่นใจว่า YU7 จะขายได้มากกว่า SU7 ถึง 3 เท่า ตามแนวโน้มผู้บริโภคในจีนที่นิยม SUV มากกว่า Sedan ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และมีโอกาสแตะระดับ 60-72 ดอลลาร์ฮ่องกงในอีก 3 เดือนข้างหน้า แม้ค่าอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (Price-to-Earnings Ratio: P/E) จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มเทคโนโลยีที่ระดับ 34.8 เท่า แต่สะท้อนความคาดหวังต่อการเติบโตระยะยาวของธุรกิจยานยนต์ใหม่ของบริษัท

9️⃣ Hims & Hers ถูกฟ้องหลายคดี หลัง Novo Nordisk ยกเลิกดีลขายยา Wegovy

Hims & Hers Health (HIMS) แพลตฟอร์มสุขภาพดิจิทัลจากสหรัฐฯ กำลังเผชิญการฟ้องร้องแบบกลุ่ม (class action) จากนักลงทุน หลัง Novo Nordisk บริษัทเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากเดนมาร์ก ประกาศยุติความร่วมมือเมื่อ 23 มิถุนายน 2025 โดยกล่าวหาว่า Hims & Hers มีพฤติกรรมทางการตลาดที่หลอกลวงและจำหน่ายยาเลียนแบบ Wegovy® ซึ่งเป็นยาลดน้ำหนักชื่อดังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) จะยุติประกาศขาดแคลนยาดังกล่าวแล้ว

คดีความชี้ว่า Hims & Hers ไม่ได้แจ้งนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มีต่อข้อตกลงกับ Novo Nordisk และอาจละเมิดกฎระเบียบของ FDA นักลงทุนที่ซื้อหุ้นระหว่าง 29 เมษายน ถึง 23 มิถุนายน 2025 ต่างได้รับผลกระทบโดยตรงหลังราคาหุ้นร่วงลงกว่า 30% ในวันเดียว อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหุ้น HIMS ฟื้นตัวขึ้น 6.3% ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ของนักลงทุนว่า บริษัทอาจสามารถเจรจาและหาทางออกจากวิกฤตนี้ได้ในระยะยาว นักวิเคราะห์บางรายยังมองว่าฐานลูกค้าของ Hims & Hers และความยืดหยุ่นของธุรกิจอาจเป็นปัจจัยช่วยพยุงผลประกอบการในอนาคต แต่ก็ยังต้องจับตาความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียงอย่างใกล้ชิด

🔟 Arm หุ้นพุ่งแรงจากกระแส AI หนุนรายได้, นักวิเคราะห์ให้เรตติ้ง Buy

Arm Holdings (ARM) ผู้ออกแบบชิปกึ่งตัวนำแบบปรับแต่งได้ กำลังได้รับแรงหนุนจากกระแสการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังหุ้นปรับตัวขึ้น 4.62% และสร้างจุดสูงสุดระหว่างวันนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ นำไปสู่การปรับขึ้นกว่า 7% ในรอบสองวัน โดยนักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อบทบาทสำคัญของ Arm ในการออกแบบชิปสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI และรายได้ไตรมาสล่าสุดที่เติบโตถึง 19% อยู่ที่ 983 ล้านดอลลาร์ พร้อมกำไรสุทธิพุ่ง 190% เมื่อเทียบกับปีก่อน

นักวิเคราะห์หลายรายยังคงให้เรตติ้ง ‘Buy’ โดย Bank of America ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 150 ดอลลาร์ ขณะที่บางสำนักคาดว่ามีโอกาสไปถึง 180 ดอลลาร์ ทั้งนี้ Arm กำลังได้รับประโยชน์จากความต้องการชิปที่ใช้ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น Stargate ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Oracle, SoftBank และ OpenAI โดยนักวิเคราะห์คาดว่า รายได้ของบริษัทจะเติบโตอีก 22% ในปี 2025 และเร่งตัวขึ้นเป็น 25% ในปี 2026 จากการขยายตลาดชิปในศูนย์ข้อมูลและภาคยานยนต์

1️⃣2️⃣ Carvana โชว์ผลงาน Q1 แข็งแกร่ง นักวิเคราะห์แห่ปรับเป้าใหม่

Carvana (CVNA) แพลตฟอร์มขายรถมือสองออนไลน์รายใหญ่ของสหรัฐฯ สร้างสถิติใหม่ในไตรมาส 1 ปี 2025 ด้วยยอดขาย 133,898 คัน เพิ่มขึ้น 46% จากปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 4.23 พันล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิแตะ 373 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.8% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (Adjusted EBITDA) พุ่งแตะ 11.5% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม

Needham ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 200 ดอลลาร์ และยังคงให้เรตติ้ง ‘Buy’ ส่วน Wells Fargo ขยับเรตติ้งเป็น ‘Overweight’ พร้อมเพิ่มเป้าราคาเป็น 175 ดอลลาร์ ขณะที่ DA Davidson ปรับขึ้นเป็น 155 ดอลลาร์ โดยทั้งหมดให้เหตุผลตรงกันว่าพื้นฐานของบริษัทดีขึ้นชัดเจน ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกำไร และการขยายตลาด ทั้งนี้ ผู้บริหาร Carvana ตั้งเป้ายอดขายระยะยาวที่ 3 ล้านคันต่อปี และอัตรากำไร Adjusted EBITDA ที่ 13.5% ภายใน 5–10 ปีข้างหน้า

1️⃣1️⃣ Unity เจอสัญญาณเปลี่ยนเทรนด์ นักวิเคราะห์ทยอยหั่นเป้าราคา

Unity Software (U) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสร้างคอนเทนต์แบบเรียลไทม์สำหรับเกมและแอปพลิเคชัน 3D ถูกปรับลดเป้าราคาจากนักวิเคราะห์หลายสำนักในช่วงเดือนมิถุนายน โดยราคาเป้าหมายเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ราว 23.30 ดอลลาร์ หรือลดลงกว่า 16.8% จากค่ากลางเดิม ขณะที่ B of A Securities ให้เรตติ้ง ‘Underperform’ พร้อมตั้งเป้าราคาเพียง 15 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดในกลุ่มนี้

แม้บางสำนักยังคงให้เรตติ้ง ‘Buy’ เช่น Jefferies ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 29 ดอลลาร์ แต่โดยรวมแล้วความเชื่อมั่นต่อ Unity เริ่มลดลง สะท้อนจากสัดส่วนเรตติ้ง ‘Hold’ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนปัจจัยหลักที่กดดันมาจากผลประกอบการที่ยังขาดทุน โดย Unity มีผลขาดทุนต่อหุ้น (EPS) -1.12 ดอลลาร์ ขณะที่มีความไม่แน่นอนด้านการบริหารหลังผู้บริหารระดับสูงทยอยลาออก อย่างไรก็ตาม หุ้นอยู่ใกล้เขต ‘oversold’ ตามสัญญาณเทคนิค ซึ่งอาจจุดกระแสเข้าซื้อของนักลงทุนบางกลุ่มในระยะสั้น

1️⃣2️⃣ Palantir จับมือ The Nuclear Company พัฒนาแพลตฟอร์ม AI หนุนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

Palantir Technologies (PLTR) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลระดับองค์กร ประกาศจับมือกับ The Nuclear Company ร่วมลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ในโครงการพัฒนา “Nuclear Operating System (NOS)” แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI เพื่อปฏิรูปการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐฯ โดยระบบนี้จะช่วยวางแผนหน้างานตามข้อมูลเรียลไทม์ ลดของเสีย และเร่งกระบวนการขออนุญาตจากภาครัฐผ่านระบบอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผน “Warp Speed” ของ Palantir ในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

แม้การร่วมมือครั้งนี้จะสะท้อนบทบาทใหม่ของ Palantir ในภาคพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐาน แต่ราคาหุ้นกลับปรับลง 4.4% หลังอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ระบุว่า ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มผ่อนคลาย ทำให้ความต้องการซอฟต์แวร์ด้านความมั่นคงของ Palantir อาจลดลง ทั้งนี้ยังมีแรงขายจากนักลงทุนบางส่วนที่เลือกทำกำไร ขณะเดียวกันก็มีแรงกดดันจากกระแสต่อต้านสัญญารัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอยู่ในบางพื้นที่

1️⃣3️⃣ Coinbase ปรับฐานหลังทำจุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนทยอยขายทำกำไร

Coinbase Global Inc. (COIN) แพลตฟอร์มเทรดคริปโทชั้นนำของสหรัฐฯ เผชิญแรงขายทำกำไรหลังราคาหุ้นพุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยปรับตัวลง 5.77% ปิดที่ 353.43 ดอลลาร์ หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 382 ดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ โดยราคาหุ้นพุ่งกว่า 38% ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน สะท้อนแรงหนุนจากข่าวดีด้านกฎหมายคริปโทในสหรัฐฯ และการได้ใบอนุญาตครอบคลุมทั้ง 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปภายใต้กฎ MiCA

นักวิเคราะห์ยังคงมองบวกต่อแนวโน้มระยะยาวของ Coinbase จากจุดแข็งด้านโครงสร้างธุรกิจในตลาด stablecoin และการขยายตัวทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นบางส่วนจาก Ark Invest มูลค่า 12.5 ล้านดอลลาร์ สะท้อนสัญญาณการทำกำไรระยะสั้น ขณะที่แนวรับสำคัญในระยะถัดไปอยู่ที่ 265 ดอลลาร์ หากการย่อตัวดำเนินต่อไป ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของหุ้น COIN ยังคงอ่อนไหวต่อกระแสกฎหมายและความผันผวนของตลาดคริปโทโดยรวม

1️⃣4️⃣ Enphase เด้งแรงหลังวุฒิสภาสหรัฐฯ กลับลำแผนตัดสิทธิ์ภาษีพลังงานแสงอาทิตย์

Enphase Energy (ENPH) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับที่อยู่อาศัย กลับมาฟื้นตัวแรงกว่า 10% หลังรายงานจาก Bloomberg เปิดเผยว่าวุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมทบทวนแผนการยกเลิกสิทธิ์ภาษีพลังงานสะอาดก่อนกำหนด โดยจากเดิมที่เสนอให้สิ้นสุดในปี 2028 อาจมีการขยายเวลาหรือเพิ่มสิทธิประโยชน์มากขึ้น สร้างแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มโซลาร์อย่างรวดเร็ว หลังจากก่อนหน้านี้หุ้น Enphase ร่วงกว่า 17% จากความกังวลต่อแผนดังกล่าว

แม้นักวิเคราะห์มองว่าท่าทีของวุฒิสภาจะช่วยบรรเทาแรงกดดันในระยะสั้น แต่ยังเตือนว่ายังมีปัจจัยลบเชิงโครงสร้าง เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูง และกฎเกณฑ์ Net Metering ในบางรัฐที่ส่งผลต่อความคุ้มค่าในการติดตั้งแผงโซลาร์ ทั้งนี้ หากมาตรการสนับสนุนได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน ก็อาจช่วยพลิกแนวโน้มของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในครึ่งปีหลังได้อีกครั้ง

1️⃣5️⃣ AppLovin ยืนราคาสูงต่อเนื่อง รับแรงหนุนจากกำไรแกร่งและแพลตฟอร์ม AI

AppLovin (APP) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีโฆษณาและแพลตฟอร์มมือถือ ยังคงรักษาระดับราคาหุ้นที่สูง แม้มีอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (Price-to-Earnings Ratio: P/E) แบบคาดการณ์ล่วงหน้าสูงถึง 34 เท่า ซึ่งเหนือกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 22.5 เท่า โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า P/E ดังกล่าวสะท้อนความแข็งแกร่งด้านอัตรากำไร โดยเฉพาะในไตรมาสแรกปี 2025 ที่มีกำไรสุทธิเติบโตถึง 144% และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin) สูงถึง 40.3% ขณะที่รายได้จากโฆษณายังมีอัตรากำไรสูงกว่า 80%

จุดแข็งสำคัญคือ AXON แพลตฟอร์มโฆษณาอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซื้อโฆษณาแบบเรียลไทม์ผ่านเทคนิค Deep Learning และ Reinforcement Learning โดยมีนักโฆษณาจากกลุ่มเกมใช้จ่ายรวมกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีบนระบบนี้ ทั้งยังสามารถประมวลผลคำขอประมูลหลายแสนครั้งต่อวินาทีแบบ Latency ต่ำ ส่งผลให้ AXON กลายเป็นจุดขายหลักที่ช่วยขยายฐานลูกค้าและกำไรของบริษัท ขณะที่นักวิเคราะห์ยังคงให้มุมมองบวกต่อหุ้น แม้เตือนว่าราคาสูงอาจสะท้อนความเสี่ยงด้านความผันผวนในอนาคต

Similar Posts